Monday, July 30, 2007

ชีวิต...ในtheซิมสอง...


 

    The sims2 เติมเต็มชิวิตชาวซิมส์ ละทิ้งชีวิตตัวเราเอง

โอว มันช่างเป็นเกมส์ที่สนุกอะไรเช่นนี้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้ติดเกมส์อะไรมานานเท่านี้แล้ว

ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มันก็สนุกจริงๆ เป็นชีวิตที่สนุกจริงๆ แม้จะเป็นเพียงแค่ชีวิตในเกมส์ก็ตาม...

ตื่นมาทำธุระ เข้าห้องน้ำอะไรเสร็จ ก็เปิดคอม เปิดซิมส์ แล้วก็ลุยเลย นั่งเล่นๆๆๆๆ หิวก็ลงไปทำขนมปังทาไส้

ชอคโกแลตกิน แล้วก็เล่นๆๆต่อ หิวก็กินไรง่ายๆไป เล่นจนง่วงแล้วก็นอน...

ตื่นมาก็ทำธุระแล้วก็เปิดคอมเปิดซิมส์แล้วก็ลุยต่อ หิวก็ลงไปทำขนมปังทาไส้ชอคโกแลตกิน แล้วก็ขึ้นมาเล่นต่อ

เรื่อยๆ จนตื่นมาเช้าวันรุ่งขึ้น ทำธุระ แล้วก็เล่นเกมส์ต่อ หิวก็ทำขนมปังทำส้ชอคโก... แว้กกก เป็นงี้วนมาสามวันแล้ววว

หรือสี่? หรือห้า? อ๊าคคค จำวัน จำวันที่ไม่ได้แล้วววว!!!


 

    แต่มันสนุกจริงๆ ชีวิตชาวซิมส์ของเราเติบโต พบรัก พบงาน เปิดธุรกิจ เติบโต ได้เงิน ขยายกิจการ พบรักไปทั่ว

มีชู้เป็นว่าเล่น โดนแวมไพร์ตามหลอกหลอน บลาๆๆๆ มันสนุกจริงๆ!! เสียดาย...มันเป็นแค่เกมส์...และในขณะที่ซิมส์เรากำลังมีความสุข เอ่อ.. เราก็มีความสุข! ขณะที่ซิมส์ทำงานได้เงิน ได้กินอาหารดีๆ เราก็...กำลังกินขนมปังไส้ชอคโกแลตอยู่...(อีกแล้ว)

สรุปวันนี่เราเล่นไปกี่วันแล้วหว่า = =''

Tuesday, July 24, 2007

ส่วนผสมของงานศิลปะ(เพนท์ติ้ง)ที่ดี

เราไปเจอข้อคิดเห็นอันนึงในบอร์ด ซีจีทอร์ค
ประเด็นของกระทู้นี้จริงๆแล้ว คือมีคนถามหาว่าศิลปินชื่อดังเขาใช้บรัชอะไร และก็อยากเอามาใช้บ้างจัง
แล้วก็มีคนนึงตอบออกมาเช่นนี้ ซึ่งผมเราคิดว่าค่อนข้างสำคัญมากทีเดียว

Ok, here's my opinion on this. Essentially, there are three things we can breakdown when we look at a painting we admire. They are:

1) The idea/story/emotions behind the piece.

2) The artistic knowledge behind the piece (values, colors, edges, drawing, composition..etc)

3) The surface technique behind the piece (brush work, paint splatters, scumbling, dabbing, glazing, impasto, line quality of drawing..etc)

When people ask for the brushes of other artists, they are basically thinking about #3. There's nothing wrong with that, because for some artists, #3 is what people associate with their works (Nicolai Fechin comes to mind). There are artists where you associate #2 and #3 with (Richard Schmid comes to mind). Then there are artists where you associate all three elements with (Van Gough comes to mind).

Sometimes, it's #1 that makes a piece successful, sometimes it's #2 or #3. Of course, IMO, the best we strive for is all 3, or at least that's what I feel we should strive for.

With that in mind, I think for different people, they place different emphasis on their work. Someone like Craig strives to hit all three marks, but what many novice artists try to mimic is only #3. Now, I'm not saying Craig's surface technique isn't important, because it is, and it's such a signature look of his. But, you have to remember, when you mimic the surface technique, it makes you a cheap imitator with no substance. In a way, that's why I think someone like Godward never reached the heights of other masters like Waterhouse, Bouguereau, or Alma-Tadema. Granted, Godward polished his surface technique to death, but going through his body of works, it's one piece of redundant imitation after another.
http://forums.cgsociety.org/showthread.php?t=218497


สำคัญคือที่เป็นสามข้อครับ
ในนี้คุณลูนาติกเขาเขียนไว้ว่า เวลาที่เรามองไปที่ภาพเพ้นท์ติ้ง เราสามารถจำแนกองค์ประกอบหลักออกมาได้สามอย่างดังนี้
1.The idea/story/emotions behind the piece.
ไอเดีย เรื่องราว อารมณ์ที่อยู่เบื้องหลังภาพนี้ (อาจจะเรียกได้ว่าคือ คอนเซป)
2.The artistic knowledge behind the piece (values, colors, edges, drawing, composition..etc)
ความรู้ทางด้านศิลปะที่มีอยู่เบื้องหลังงานชิ้นนี้ เช่นความเข้าใจในสัดส่วน น้ำหนัก คอมโพส (คงจะเรียกได้ว่าคือ เบสิค)
3.The surface technique behind the piece (brush work, paint splatters, scumbling, dabbing, glazing, impasto, line quality of drawing..etc)
อันนี้ถ้าแปลตรงตัวก็คือเทคนิคพื้นผิวบนงานชิ้นนี้ ประมาณว่าฝีแปรงยังไง ใช้สีอะไร ใช้เทคนิคอะไรวาดขึ้นมา คุณภาพ ความเนี๊ยบของเส้น เป็นต้น


ที่หลายๆคนมักจะพลาดก็คือการไปหมกหมุ่นกับข้อสามมากจนเกินไป ส่วนหนึ่งเพราะเวลามองไปที่งานข้อสาม
ดูจะเป็นอะไรที่จับต้องได้มากที่สุด แต่ถ้าภาพปราศจากข้อหนึ่งและสองไปแล้ว ก็คงจะเกิดงานศิลปะ
อย่างเต็มตัวได้ยาก

ศิลปินแต่ละคนต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะเน้นขอแรกเป็นพิเศษ ส่วนบางคนเน้นข้อสอง
หรือข้อสามมากเป็นจุดขายของตัวเอง
สำคัญคือไม่ว่าเราจะเน้นอะไร เราไม่ควรจะลืมทั้งสามข้อไป เพราะนั่นคือส่วนประกอบของงานที่สมบูรณ์...


บางครั้งตัวเราเองแยกมันออกมาพื้นๆสุดคือมีอยู่สองข้อ องค์ประกอบด้านปัญญา และด้านเทคนิค

ปัญญา(Mentality) คือความรู้เรื่องคอมโพส คอนเซปเบื่องหลังภาพ แสงเงา ค่าน้ำหนัก สี อารมณ์ มันคือการที่เราประสงค์อยากให้ภาพเราเป็นเช่นไร ดียังไง

เทคนิค(Technique) คือการเอาปัญญาในข้อข้างบน มาทำให้มันเป็นจริง คือการปฏิบัติ คือการลงสี การผสมสี การวาดเส้น ลงน้ำหนักให้ได้ตามที่ปัญญาเราบัญชา

ตัวผมเองเน้นไปที่ข้อแรกมากกว่า เพราะเห็นว่าถ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
แต่แน่นอนถ้าจะให้มีอะไรเกิดขึ้นได้ เราก็ต้องทำได้ นั่นแปลว่าเราต้องเป็นทั้งสองข้อ
หรือจะกล่าวได้ว่า อยากให้งานโดยรวมดูเป็นเช่นไร ข้อแรกนั้นสำคัญ แต่ถ้าอยากให้งานดูโดยละเอียดแล้วเป็นเช่นไร ข้อหลังนั้นเป็นตัวแปร

นี่คือความคิดของเรา = ='' องค์ประกอบหลักของศิลปะเราคิดมาแค่สองข้อนี่แหละ

ส่วนใหญ่ที่เห็นก็คือเขาจะเอาข้อแรกมาแยกอีกทีว่าเป็น เส้น น้ำหนัก คอมโพส รูปทรง สี ไรงี้ ตามตำราศิลปะ อืมๆ

เราไปเจอมาอีกอันนึงจากเวป คอนเซปอาร์ต.org ซึ่งก็ดีเหมือนกัน
จำไม่ได้แล้วว่าใคร แต่พอจำได้ว่า เขากล่าวว่า

-น้ำหนัก (น้ำหนักขาวสุด ดำสุดถูกต้อง และสม่ำเสมอหรือไม่)
-คอนเซป (ส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพน่ำสนใจ เรื่องราวเบื้องหลังภาพ)
-คอมโพส (เล่าเรื่องอย่างไร ทำไงให้เห็นจุดสนใจ การเรียงลำดับภาพดูรู้เรื่องหรืิอไม่)
-ดรออิ้ง (สัดส่วน โครงสร้าง ความรู้เรื่องเปอร์เสปคทีฟ)
-เทคนิค (ทีแปรง ความเนี๊ยบ เป็นต้น)
-สี (ช่วยกำหนดอารมณ์ของภาพได้มากขึ้นรึเปล่า เป็นตัวช่วยพัฒนาภาพไปอีกที แต่มันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง)

*โดยเขากล่าวไว้ว่า สี จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่สำคัญน้อยที่สุด แต่ก็เป็นจุดที่ทำให้คนเดินผิดทางกันมากที่สุด
เพราะคิดว่ามันคือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งแท้จริงแล้วไม่เลย ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือ
ให้นึกถึงภาพถ่าย หรือหนังขาวดำเข้าไว้ ซึ่งมันไม่มีสีสันเลย แต่ก็ยังดูดีได้ เพราะมันมีองค์ประกอบที่เหลืออยู่ทั้งหมดนั่นเอง
แต่ลองเราเอาน้ำหนัก หรือ คอมโพส ออกไปจากภาพสีสิ รับรองมีปัญหาแน่นอน...

ประมาณนี้ครับ ตอนเจอหกข้อนี้ ผมก็อ๋อขึ้นมาทันที แล้วก็ทำให้การฝึกเราดูมีทิศทางมากขึ้น
หลายๆครั้งการเรียนรู้ที่ดี ก็คือการที่เราหยุดคิดและลองวิเคาะห์ดู แบ่งมันเป็นข้อๆ และลองหาลำดับความสำคัญดู
ใจเย็นเข้าไว้นั่นเอง...

Saturday, July 21, 2007

เฮ้ออออออ

อืมมม เมื่อวานคือวันซวย อะไรก็ไม่รู้ดูจะโถมกระหน่ำ อิอิ

เมื่อวานต้องส่งงานสองชิ้น งานนึงทำมาแล้ว ส่วนอีกงานจะเอาไปปริ้นท์ตอนวันส่ง
พอมาถึงร้านปริ้นท์ตรงมหาลัยปรากฏว่า... ลืมเอาไฟล์มา!!! เวรละ ทำไงดี เลื่อนส่งหรือกลับไปเอาไฟล์ดี
ก็เลยคิดว่าไหนๆก็มาแล้ว ส่งของอีกงานนึงก่อนดีกว่า แล้วค่อยกลับไปเอาไฟล์
พอมาถึงเอาไปส่งปุ๊บก็... อย่างไม่ค่อยแปลกใจก็ไม่ถูกใจครูเท่าไหร่้ โดนด่าไป แต่ดันด่าแรงนี่สิ แสรดด
ด้วยความหมดอารมณ์ แต่ก็ยังไม่อยากจะพ่ายแพ้หมดรูป ยังไงเราก็ต้องกลับไปเอาไฟล์มาปริ้นท์แล้วส่งงาน
อีกชิ้นให้ได้ ฮึ่มๆ พอทันทีที่ครูออกจากห้องไปเราก็รีบเผ่นกลับบ้านทันที
อย่างเร่งรีบเพราะกลัวจะส่งไม่ทัน ก็ถึงบ้านตอนประมาณเที่ยงๆ โอนไฟล์แล้วก็รีบขึ้นรถไฟตอนเที่ยงขึ้น
มาถึงร้านปริ้นท์ตอนประมาณบ่ายกว่าๆได้มั้ง ก็เจอเพื่อนๆนั่งปริ้นท์กันอยู่ประมาณสามสี่คน (อิอิ)
ปริ้นท์งานเรียบร้อยพอพวกเรากำลังบึ่งแท๊กซี่เข้ามหาลัย ก็เห็น...อาจารย์ขับรถสวนเราออกไป...แสรดดด
สรุปคือชวดส่งงานนึง โดนด่างานนึง เอ่อ..โดนด่าไม่พอ อาจารย์ยังให้กลับไปแก้อีกโว้ยย(แปลว่าทำใหม่)
แถมตอนกำลังจะกลับบ้านดันนึกขึ้นได้อีกว่าลืมไอพ๊อดไว้ที่ร้านปริ้นท์(เจี๊ยกกกก) ดีนะร้านปริ้นท์เขาใจดี
เก็บเอาไว้ให้ เลยกลับไปเอาได้ทัน เฮ้อออออออ

อิิอิ ฝนตกอีกแน่ะ วันนี้..มัน..วัน..อารายว๊าาาาาา ยังดีเป็นวันศุกร์ ไม่งั้นฟิวส์ขาดแน่กู

ขอขอบคุณไอพ๊อดของฉานที่คอยเปิดเพลงให้ฟังยามที่มองซ้ายขวาก็เห็นแต่เปลวไฟ เสียงดนตรีดับไฟในตัวได้ดีจริงๆ
วันนี้เวลานั่งรถไฟอยู่คนเดียวใจแม่งมันครุ่นคิดจริงโว้ย เกลียดไรแบบนี้ที่สุด

กลับบ้านไปบ่นให้เพื่อนฟัง... พอตื่นมาตอนเช้าก็แม่งรู้สึกว่าเราไม่น่าบ่นออกไปเลย
เกลียดความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เวลาตัวเองคิดไรมากๆเนี่ย เหมือนมันไม่ใช่ตัวเอง
เหมือนโดนสิง เหอๆๆ พูดไรออกไปเพราะบางทีต้องการความเห็นใจ ซึ่ง..ซึ่งเราว่ามันน่าเกลียด
อิอิ ปกติเราเลยไม่ค่อยบ่นอะไรเท่าไหร่ บ่นมากๆบางทีทำให้เราเขว จากปลดปล่อยความเครียดกลายเป็น
อยากให้ตัวเองดูเครียดไปซะงั้นไป ทำไมก็ไม่รู้ ซึ่งเราว่ามันไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่เลย เสียเวลา เสียความรู้สึก

วาดรูปดีกว่า อิอิ วิธีพูดที่แท้จริงของเรา

Friday, July 20, 2007

Tuesday, July 17, 2007

ลองนู่นนี่กะหน้าตาบลอคตัวเอง

ช่วงนี้เปลี่ยนตีมบลอคตัวเองดู อยากได้ที่มันสบายตาขึ้น แต่ก็ยังดาร์คๆอยู่ โอว เลือกยากจริง
อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก อิอิ

ไปๆมาๆ ก็เอาบลอคเราเป็นเวปส่วนตัวไปซะเลย เป็นที่เก็บพอร์ตโฟลิโอ บลาๆๆredface

Monday, July 16, 2007

Gallery














Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


ทดสอบๆ
html นี่มันแดนปริศนาจริงๆredfaceredface

Wednesday, July 11, 2007

Selfportrait to me is...

My last refuge!!!

SELFPORTRAIT!

SELFPORTRAIT!!!

การวาดหน้าตัวเองช่างวิเศษอะไรเช่นนี้ ไม่ได้หลงตัวเองๆtwisted
เราหมายถึงโปรแจคนี้มันช่วยเราได้จริงๆนะนี่
การที่มีโปรเจควาดหน้าตัวเองให้ได้วันละหน้าทุกวันเนี่ย
ทั้งในแง่เทคนิค ที่ทำให้เราได้ฝึกหน้าคนติดต่อกันเรื่อยๆ ได้ลองผิดลองถูก
ได้พยายามสร้างหัวข้อที่น่าเบื่อให้มันดูน่าสนใจ
แต่ก็..เป็นเหมือนการเปิดให้เรารู้จักตัวเอง ให้เราได้คุยกับตัวเอง ได้้มีที่ระบาย
เรียกสั้นๆได้ว่าเป็นการเปิดโอกาส 'ให้เราได้จ้องเข้าไปในนัยตาของตัวเอง'
มันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยม ที่ได้ตวัดแปรงเพื่อสื่อสารออกมา
เป็นความรู้สึกที่เยี่ยมที่ทำให้เราได้หยุดคิดว่าวันนี้เราเป็นอะไรไป
มันเยี่ยมที่เรารู้ว่าในวันนี้อย่างน้อยเราก็มีภารกิจนี้อยู่
มันเยี่ยมที่เราสุดท้ายในยามมืดมิดที่สุด ตัวเราก็ไม่ทิ้งตัวเรา...

มันคือเส้นทางสู่การค้นหาตัวตนอย่างแท้จริง

Who am I?

How am I?

What happen to me?

Why I am still here?

What am I really?

My mood?

My value...
ถ้ามีโอกาสได้เป็นครูสอนศิลปะนะ การบ้านตัวนึงของเรา คือจะให้แต่ละคนไปวาดหน้าตัวเองมาเป็นชุด
วาดเป็นโหลเลย เป็นโปรเจคทั้งเทอมเลยก็ดี อิอิอิอิ วัดคะแนนทั้งจากปริมาณ เทคนิค และ 'ไอเดีย'
มันเหมือนเป็นการค้นหาตัวเองระหว่างการเป็นช่างฝีมือ กับก้าวไปเป็นศิลปิน...
ประเด็นสำคัญคือทำไงให้ วาด subject ที่ดูน่าเบื่อออกมาไม่น่าเบื่อlol

Tuesday, July 10, 2007

My little angel...


นางฟ้าตัวน้อยๆใต้จอคอมของเราredface
ได้มาจากงานคอมมิคมาร์เก็ตครั้งที่ผ่านมา

อันนี้แถม นั่งเขียนเล่นดูคอนเซิร์ตโลกร้อนอยู่
อ่านจากขวาไปซ้ายนะครับ(เห็นใจคนถนัดซ้ายหน่อย)
เกี่ยวกับเรื่องของแสงและเงา
เป็นปรัชญาเล็กน้อยๆที่
เราพยายามทำความเข้าใจกะมันอยู่
แน่นอนว่ามันอ่านยากมากกกก
ไหนจะถ่ายมา ไหนจะเขียนชุ่ย ไหนจะเขียนผิด!
ถ้าว่างจะพิมพ์ในคอมให้ครับู่

**ขอบใจงับคิว ที่เปงกำลังใจให้biggrin

Monday, July 09, 2007

เฮ้ออ


เทอมนี้งานมันเยอะมากกกกกกก
แทบคลั่งevil
แต่อย่างไรซะก็ปาเข้าไปสี่สิบภาพแล้วโว้ยยยย

Tuesday, July 03, 2007

จะทำหนังสืออาร์ตเวิร์ค

เราตกลงใจแล้ว เราจะทำหนังสืออาร์ตเวิร์คขายงานการ์ตูนดู
จะเป็นยังไง หรูหรือเปล่า เรายังไม่รู้เหมือนกัน
แต่ก็ไม่อยากทุ่มทุนเกินไปหรอกนะ แค่อยากก้าวขาเข้าไปในพวกงานการ์ตูนดูบ้าง

เห็นเพื่อนเชียร์อยู่หลายคนอยู่ ก็ตกลงว่า เอาวะ ลองดูๆ
แต่อยากจะมีเพื่อนร่วมทำด้วยนะเนี่ย ทำคนเดียวคงจ่ายไม่ไหวredface
ต้องการคนแชร์ต้นทุนด้วย กำไรคงไม่หวังมาก(มั้ง) ขออย่าขาดทุนมาก

อืมมม ต้องลองคิดดูว่าจะทำยังไงดี...

*โอว บลอคเรามีคนเข้าดูถึงสองร้อยคนแล้วรึนี่ กรี๊ดๆ>< ไม่นึกว่าจะถึงขนาดนี้
แต่ก็เปิดมานานแล้วนี่นะ...